
ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในปัจจุบัน ความสามารถในการเปลี่ยนข้อมูลที่ซับซ้อนให้กลายเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจถือเป็นความสามารถพิเศษ ไม่ว่าคุณจะนำเสนอผลงานประจำไตรมาส เสนอแนวคิดใหม่ หรืออธิบายผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การเล่าเรื่องอย่างมีศิลปะสามารถสร้างความแตกต่างและดึงดูดผู้ฟังได้ มาดูกันว่าเราจะเปลี่ยนข้อมูลที่น่าเบื่อให้กลายเป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจ โน้มน้าวและสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างไร
เพราะอะไรการใช้เทคนิค Story Telling จึงมีความสำคัญในการนำเสนอข้อมูล
สมองของมนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อสื่อสารและรับฟังเรื่องราว เราจดจำเรื่องเล่าได้ดีกว่าข้อมูลแนวข้อเท็จจริงหรือตัวเลข ด้วยเทคนิค Story Telling :
- คุณทำให้ข้อมูลเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและน่าจดจำมากขึ้น
- คุณช่วยสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ชมของคุณ
- คุณให้บริบทที่ช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจถึงความสำคัญของข้อมูล
- คุณสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการกระทำ โดยแสดงผลกระทบต่อมนุษย์ผ่านตัวเลขและสถิติ
องค์ประกอบของเรื่องราวเกี่ยวกับข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
1. รู้จักผู้ชมของคุณ
ก่อนที่จะเริ่มวางโครงเรื่อง :
- วิเคราะห์ภูมิหลัง ความสนใจ และความคาดหวังของผู้ชมของคุณ
- ศึกษาระดับความเข้าใจ ที่ผู้ชมมีต่อเนื้อหา
- กำหนดสิ่งที่ผู้ชมจำเป็นต้องรู้และเพราะอะไร เรื่องนี้ถึงสำคัญ
เคล็ดลับ: ลองจินตนาการบุคลิกและตัวตนของผู้ชม เพื่อเป็นแนวทางในการสื่อสารเล่าเรื่อง
2. กำหนดข้อความหลัก
- กลั่นกรองข้อมูลของคุณให้เหลือเพียงข้อมูลเชิงลึกหรือข้อสรุปหลักๆ หนึ่งข้อ
- ให้แน่ใจว่าทุกส่วนของเรื่องราวจะสนับสนุนเนื้อหาหลักนี้
- วางโครงเนื้อหาในแง่ของผลกระทบหรือความเกี่ยวข้องกับผู้ชม
เคล็ดลับ : พยายามพูดใจความหลักของคุณเป็นประโยคที่น่าสนใจประโยคเดียว
3. สร้างโครงเรื่อง
แม้ว่าจะเป็นการเล่าเรื่อง การนำเสนอของคุณก็ควรเป็นไปตามโครงสร้างเนื้อหาแบบคลาสสิก:
- จุดเริ่มต้น: กำหนดฉากของเรื่อง เล่าถึงปัญหาหรือคำถาม
- ช่วงกลาง: นำเสนอข้อมูลและเนื้อหาเชิงลึก ค่อยๆเพิ่มความตึงเครียด กระตุ้นความอยากรู้
- จุดจบ: คลี่คลายความตึงเครียดด้วยบทสรุปและกระตุ้นให้เกิดการกระทำ (call to actions)
4. ใช้ภาพประกอบอย่างมีประสิทธิภาพ
- เลือกประเภทแผนภูมิหรือกราฟที่เหมาะสมกับข้อมูลของคุณ
- นำเสนอด้วยภาพแบบเรียบง่ายเพื่อเน้นข้อมูลสำคัญ
- ใช้สี ขนาดฟ้อน และการวางตำแหน่งเพื่อดึงความสนใจ
- เปิดเผยข้อมูลอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของเรื่อง
เคล็ดลับ: เน้นหลักการ " less is more : ยิ่งน้อยยิ่งดี" ในการแสดงภาพข้อมูล ลบองค์ประกอบใดๆก็ตาม ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเนื้อหาหลักของคุณ
5. เพิ่มความเป็นมนุษย์ให้ข้อมูลของคุณ
- ใช้เกร็ดความรู้หรือกรณีศึกษาเพื่อสนับสนุนเนื้อหาหลักของคุณ
- แปลงสถิติเป็นเรื่องราวที่ฟังแล้วเกี่ยวข้อง
- แสดงผลกระทบในโลกแห่งความเป็นจริงผ่านตัวเลขสถิติ
ตัวอย่าง: แทนที่จะพูดว่า "ผู้ใช้จำนวน 30%" ให้พูดว่า "คนที่คุณรู้จักเกือบหนึ่งในสามคน" ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบริบท
6. สร้างความแตกต่างแบบตรงข้าม (contrast)
- เน้นการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาหรือความแตกต่างระหว่างกลุ่ม
- ใช้การเปรียบเทียบเพื่อให้บริบทและเน้นความสำคัญ
- นำเสนอสถานการณ์ "What if : จะเกิดอะไรขึ้นถ้า" เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นในมุมที่ต่างไป
เคล็ดลับ : ความแตกต่างระหว่าง "สิ่งที่เป็น" และ "สิ่งที่อาจเป็น" อาจเป็นแรงโน้มน้าวที่ทรงพลังได้
7. ใช้การเปรียบเทียบและอุปมาอุปไมย
- เปรียบเทียบแนวคิดที่ซับซ้อนกับแนวคิดที่คุ้นเคย เพื่อทำให้เข้าใจง่าย
- ใช้อุปมาอุปไมยผ่านภาพ ในการออกแบบสไลด์
- ตรวจเช็คให้แน่ใจว่าอุปมาอุปไมยของคุณเหมาะสมกับวัฒนธรรมนั้นๆ และเข้าใจได้ง่าย
ตัวอย่าง:การอธิบายความจุของ Data storage เปรียบเทียบกับหนังสือในห้องสมุด
8. เปิดทางให้พูดคุยซักถาม
- ใช้การทำโพลแบบสดๆ หรือเปิดช่วงถาม-ตอบพูดคุย เพื่อเชื่อมโยงผู้ฟังของคุณ
- จัดทำแดชบอร์ดข้อมูลแบบสดๆ เพื่อเล่าผลการสำรวจ
เคล็ดลับ: การโต้ตอบสามารถทำให้ผู้ฟังของคุณรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว เพิ่มการมีส่วนร่วมและสร้างการจดจำ
บทสรุป: จากข้อมูลสู่แรงบันดาลใจ
การเชี่ยวชาญศิลปะการเล่าเรื่อง จะทำให้คุณเปลี่ยนตัวเองจากผู้บรรยายข้อเท็จจริงให้กลายเป็นผู้ร้อยเรียงเรื่องราวที่ให้ข้อมูล สร้างแรงจูงใจ และแรงบันดาลใจ คุณมีศักยภาพที่จะทำให้ตัวเลขดูมีชีวิตชีวา แสดงให้เห็นข้อมูลในแง่มุมของความเป็นมนุษย์ และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงผ่านข้อมูลเชิงลึกของคุณ
จำไว้เสมอว่า แก่นแท้ของการเล่าเรื่องด้วยข้อมูลคือการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างตัวเลขและเรื่องราว ระหว่างข้อมูลกับอารมณ์ และที่สำคัญที่สุด คือ ระหว่างคุณกับผู้ชม ด้วยการฝึกฝนและความตั้งใจจริง คุณจะสามารถเปลี่ยนข้อมูลที่ไม่น่าสนใจให้กลายเป็นเรื่องราวที่สร้างพลัง ให้ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจได้
Comments